1. Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน 
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + V1 
          ตัวอย่างประโยค:  
             - I study at Harvard University.  ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
             - The Sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
             - He calls me honey. เขาเรียกฉันว่าที่รัก
2. Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะที่พูด และใช้บอกการกระทำที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ (ปีนี้, เดือนนี้) หรือบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ก็ได้
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + is, am, are + V ing
          ตัวอย่างประโยค:     
 I am going to school. ฉันกำลังจะไปโรงเรียน
 I am going to school. ฉันกำลังจะไปโรงเรียน He is walking on the street. เขากำลังเดินอยู่บนถนน
 He is walking on the street. เขากำลังเดินอยู่บนถนน Cherry is preparing for final exam. เชอร์รี่กำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค
 Cherry is preparing for final exam. เชอร์รี่กำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค 
3. Present Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะใช้ since, for ร่วมด้วยเสมอ หรือบอกเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งจะจบลงหมาด ๆ
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + have,has +V3 
          ตัวอย่างประโยค:     
 I have worked in Japan since 2010.  ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
 I have worked in Japan since 2010.  ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010 Nancy has stayed with me for 10 months.  แนนซี่อยู่กับฉันมา 10 เดือนแล้ว
 Nancy has stayed with me for 10 months.  แนนซี่อยู่กับฉันมา 10 เดือนแล้ว I have already finished my homework.  ผมเพิ่งทำการบ้านเสร็จ
 I have already finished my homework.  ผมเพิ่งทำการบ้านเสร็จ 
4. Present Perfect Continuous Tense  ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องและเน้นว่าจะทำต่อไปเท่านั้นเอง
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + have/has been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
 I have been working in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
 I have been working in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010 Nick have been living in London for 2 months. นิคอาศัยอยู่ในลอนดอนมาได้ 2 เดือนแล้ว
 Nick have been living in London for 2 months. นิคอาศัยอยู่ในลอนดอนมาได้ 2 เดือนแล้ว 
5. Past Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้จบลงแล้ว
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + V2  
          ตัวอย่างประโยค: 
 I lived in Germany. ฉันเคยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
 I lived in Germany. ฉันเคยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี Daddy called me last night.  พ่อโทรมาหาฉันเมื่อคืน
 Daddy called me last night.  พ่อโทรมาหาฉันเมื่อคืน 
6. Past Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต หรือบอกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่ ก่อนที่อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + was, were + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
 I was working all day yesterday. ฉันยุ่งทั้งวันเลยเมื่อวานนี้
 I was working all day yesterday. ฉันยุ่งทั้งวันเลยเมื่อวานนี้ When I opened the door, my father was watching TV. ตอนผมเปิดประตูเข้าบ้าน พ่อผมกำลังดูทีวีอยู่
 When I opened the door, my father was watching TV. ตอนผมเปิดประตูเข้าบ้าน พ่อผมกำลังดูทีวีอยู่ 
7. Past Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แน่ชัด หรือใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยจะใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเสมอ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + had +V3 
          ตัวอย่างประโยค: 
 Two students had gone before the teacher came to the room.  นักเรียนสองคนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนที่ครูจะเข้ามา
 Two students had gone before the teacher came to the room.  นักเรียนสองคนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนที่ครูจะเข้ามา Before I met her, I had met Sandy. ก่อนที่ฉันจะเจอเธอ ฉันเจอแซนดี้
 Before I met her, I had met Sandy. ก่อนที่ฉันจะเจอเธอ ฉันเจอแซนดี้  
8. Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Past Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องชัดเจนขึ้น
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + had been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
 I had been painting the wall before the dog scratched it.  ฉันทาสีกำแพงก่อนที่เจ้าหมาจะมาขีดข่วนมัน
 I had been painting the wall before the dog scratched it.  ฉันทาสีกำแพงก่อนที่เจ้าหมาจะมาขีดข่วนมัน My father had been smoking for 5 years before I was born. พ่อฉันสูบบุหรี่จัดเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่ฉันจะเกิด
 My father had been smoking for 5 years before I was born. พ่อฉันสูบบุหรี่จัดเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่ฉันจะเกิด 
9. Future Simple Tense ใช้เพื่อบอกความตั้งใจ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will, shall + V1 
          ตัวอย่างประโยค:     
 I will go to Japan next month. ฉันจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า
 I will go to Japan next month. ฉันจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า I will send you my photo tonight. ฉันจะส่งรูปฉันให้ดูคืนนี้
 I will send you my photo tonight. ฉันจะส่งรูปฉันให้ดูคืนนี้ 
10. Future Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และใช้กับเหตุการณ์หนึ่งในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่อีกหนึ่งเหตุการณ์จะเกิดตามมา
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will be + V ing
          ตัวอย่างประโยค: 
 I will be studying in tomorrow morning. พรุ่งนี้ตอนเช้า ผมคงจะกำลังเรียนอยู่
 I will be studying in tomorrow morning. พรุ่งนี้ตอนเช้า ผมคงจะกำลังเรียนอยู่ I will be working when you finish your work. ผมคงจะกำลังทำงานอยู่ เมื่อคุณเลิกงานแล้ว
 I will be working when you finish your work. ผมคงจะกำลังทำงานอยู่ เมื่อคุณเลิกงานแล้ว 
11. Future Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต หรือใช้กับเหตุการณ์หนึ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will + have + V3 
          ตัวอย่างประโยค:     
 Apple will have launched its new iPhone by 2012. แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ภายในปี 2012
 Apple will have launched its new iPhone by 2012. แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ภายในปี 2012 My father will have gone when I get up.  เมื่อฉันตื่น พ่อฉันก็คงไปแล้ว
 My father will have gone when I get up.  เมื่อฉันตื่น พ่อฉันก็คงไปแล้ว 
12. Future Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และก็จะดำเนินต่อไปอีกหลังจากนั้น หรือใช้เหมือนกับ Future Perfect Tense แต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำหนึ่งในอนาคต
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will/shall + have been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค:  
 By the next year, I will have been working for 10 years. ผมจะทำงานครบ 10 ปีในปีหน้านี้
 By the next year, I will have been working for 10 years. ผมจะทำงานครบ 10 ปีในปีหน้านี้ In ten minutes I will have been waiting 1 hour for the bus.  อีก 10 นาที ผมจะรอรถเมล์ครบ 1 ชั่วโมงพอดี
 In ten minutes I will have been waiting 1 hour for the bus.  อีก 10 นาที ผมจะรอรถเมล์ครบ 1 ชั่วโมงพอดี 